ถ้าหากคุณสงสัยว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์หรือไม่? ทางเดียวที่จะรู้ได้ก็คือใช้เครื่องมือทดสอบการตั้งครรภ์ แต่ก็มีอาการบางอย่างที่บ่งชี้ว่าคุณกำลังตั้งครรภ์อยู่ ลองมาสังเกตอาการเหล่านี้กันดู
ผู้หญิงทุกคนทราบหรือไม่ว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์?
ผู้หญิงแต่ละคนจะมีอาการที่แตกต่างกันไป รวมไปถึงประสบการณ์การตั้งครรภ์ด้วย นอกจากนี้อาการเริ่มแรกของการตั้งครรภ์มักจะคล้ายคลึงกับอาการก่อนและระหว่างมีประจำเดือน จึงเป็นเรื่องยากที่จะทราบได้ว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์อยู่
ต่อไปนี้คืออาการเริ่มแรกที่พบได้มากที่สุดเมื่อตั้งครรภ์ แต่ก็ควรทราบว่าอาการเหล่านี้อาจเกิดจากสาเหตุอื่นได้อีก ดังนั้นหากคุณมีอาการเหล่านี้ขึ้นมาก็ไม่ได้หมายความว่าคุณท้อง ซึ่งวิธีเดียวที่จะบอกได้ชัดเจนก็คือการทดสอบการตั้งครรภ์นั่นเอง
มีเลือดออกกะปริบกะปรอย และเป็นตะคริว
หลังการปฏิสนธิ ไข่จะฝังตัวเข้ากับผนังของมดลูก นี่คือจุดเริ่มต้นของการตั้งครรภ์ จะมีเลือดไหลออกมากระปริบกระปรอยเล็กน้อย และบางครั้งก็จะทำให้เป็นตะคริวด้วย
เลือดชนิดนี้เรียกว่าเลือดที่เกิดจากการฝังตัว จะไหลออกมาในช่วง 6-12 วันหลังจากไข่ฝังตัวกับมดลูกแล้ว ส่วนอาการตะคริวจะคล้ายกับการปวดประจำเดือน ผู้หญิงหลายคนจึงเข้าใจว่าตัวเองกำลังจะมีประจำเดือนเป็นวันแรก อีกทั้งการที่จะมีเลือดไหลออกมาพร้อมกับตะคริวด้วยนั้นมีอาการเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นเอง
นอกจากจะมีเลือดไหลออกมาแล้วก็อาจสังเกตุได้ว่ามีของเหลวที่คล้ายน้ำนมสีขาวไหลออกมาจากช่องคลอด (ตกขาว) สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการหนาตัวขึ้นของผนังช่องคลอด ซึ่งเริ่มต้นขึ้นแทบจะพร้อมกับการปฏิสนธิ การเพิ่มตัวของเซลล์บริเวณผิวช่องคลอดนี้เป็นสาเหตุของของเหลวสีขาวดังกล่าว
ของเหลวนี้จะไหลออกมาอย่างต่อเนื่องในระหว่างการตั้งครรภ์ ซึ่งมันไม่ได้เป็นอันตรายและไม่ต้องรับการรักษาใดๆ แต่หากเกิดมีกลิ่นเหม็นหรือทำให้รู้สึกแสบคัน ก็ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจสอบว่าคุณติดเชื้อยีสต์หรือเชื้อแบคทีเรียหรือเปล่า
เต้านมเกิดการเปลี่ยนแปลง
การเปลี่ยนแปลงของเต้านมเป็นอีกสัญญาณแรกๆ ของการตั้งครรภ์ก็ว่าได้ เนื่องจากระดับของฮอร์โมนที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วหลังจากการปฏิสนธิ การเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้เต้านมบวม เจ็บ ตึงคัด หลังจากเริ่มตั้งครรภ์ประมาณ 1-2 สัปดาห์ รวมไปถึงยังรู้สึกหน่วงๆ หรือไวต่อการสัมผัสมากขึ้นด้วย ทั้งยังทำให้ผิวหนังรอบๆ หัวนม ที่เรียกว่าปานนม มีสีคล้ำขึ้น
อาจมีสาเหตุอื่นๆ ที่เป็นต้นเหตุของเต้านมเปลี่ยนแปลง แต่หากเกิดจากการตั้งครรภ์แล้ว ให้จำไว้ว่าต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าร่างกายจะปรับตัวเข้ากับระดับของฮอร์โมนใหม่ ถึงตอนนั้นอาการเจ็บคัดเต้านมก็จะดีขึ้น
รู้สึกเมื่อยล้า
หากรู้สึกเหนื่อยล้ามากก็จัดเป็นเรื่องปกติสำหรับการตั้งครรภ์ในระยะแรก ซึ่งผู้หญิงจะเริ่มรู้สึกได้อย่างทันทีภายในหนึ่งสัปดาห์หลังจากการตั้งครรภ์ สาเหตุก็มาจากการเพิ่มระดับขึ้นของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน รวมกับอาการอื่นในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น ระดับน้ำตาลในเลือดลดระดับลง ความดันโลหิตลดต่ำ และการถูกกระตุ้นให้ผลิตเลือด หลายสาเหตุรวมกัน
หากความอ่อนล้านี้เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์ ก็ให้คุณแม่พักผ่อนให้มากๆ ทานอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีนและธาตุเหล็กเยอะๆ จะชดเชยได้
คลื่นไส้ (อาการแพ้ท้อง)
อาการแพ้ท้องเป็นอาการยอดฮิตของผู้ที่ตั้งครรภ์ แต่ก็ไม่ใช่ว่าผู้หญิงทุกคนจะมีอาการนี้ สาเหตุที่แท้จริงของอาการแพ้ท้องนี้ไม่ทราบแน่ชัด แต่ระดับฮอร์โมนการตั้งครรภ์อาจส่งผลต่ออาการนี้ได้ ซึ่งการคลื่นไส้ในระหว่างตั้งครรภ์อาจเกิดขึ้นได้ทุกช่วงเวลาของวัน แต่โดยทั่วไปมักจะเป็นช่วงเช้า
นอกจากนี้หญิงตั้งครรภ์บางรายยังทนกับอาหารบางอย่างไม่ได้ขึ้นมาด้วย ซึ่งก็เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอีกเช่นกัน แม้แต่อาหารที่เคยชอบก็อาจทำให้รู้สึกคลื่นไส้ได้
เป็นไปได้ว่าทั้งอาการคลื่นไส้และรังเกียจอาหารบางชนิดนี้อาจเป็นไปตลอดการตั้งครรภ์ แต่อาการเหล่านี้จะลดลงได้มากตั้งแต่สัปดาห์ที่ 13-14 เป็นต้นไป
ในระหว่างนี้โปรดทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพของทั้งคุณแม่และทารก โดยคุณสามารถปรึกษากับสูติแพทย์เพื่อขอคำแนะนำได้
ประจำเดือนไม่มา
อาการที่ชัดเจนที่สุดของการตั้งครรภ์ และเป็นช่วงที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ทดสอบการตั้งครรภ์ก็คือการที่ประจำเดือนขาดไปนั่นเอง แต่การที่ประจำเดือนขาดหรือมาล่าช้าก็ไม่ใช่เพราะการตั้งครรภ์ไปซะหมด
นอกจากนี้ในระหว่างตั้งครรภ์ก็ยังอาจมีเลือดออกกระปริบกระปรอยได้ หากคุณกำลังตั้งครรภ์อยู่จำเป็นต้องปรึกษากับสูติแพทย์เพื่อแยกให้ได้ว่า เลือดที่ไหลออกมานั้นเป็นปกติหรือเป็นสัญญาณของเหตุฉุกเฉิน
การที่ประจำเดือนไม่มา นอกจากการตั้งครรภ์แล้วก็ยังมีสาเหตุอื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นการที่น้ำหนักตัวลดลงหรือเพิ่มมากเกินไป หรือปัญหาเกี่ยวกับฮอร์โมน ความเหนื่อยล้า ความเครียด และอื่นๆ โดยผู้หญิงบางคนประจำเดือนจะไม่มาหากหยุดกินยาคุมกำเนิด แต่หากประจำเดือนของคุณมาล่าช้าและมีความเป็นไปได้ว่าจะตั้งครรภ์ ก็ควรรับการทดสอบการตั้งครรภ์จึงจะทราบผลได้แม่นยำที่สุด
อาการอื่นๆ ของการตั้งครรภ์
การตั้งครรภ์ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความสมดุลของฮอร์โมน และอาจทำให้เกิดอาการอื่นๆ ที่รวมถึง:
- ปัสสาวะบ่อย สำหรับผู้หญิงหลายคนจะมีอาการนี้ในช่วงประมาณสัปดาห์ที่ 6-8 ของการปฏิสนธิ แม้ว่าบางครั้งอาจเกิดจากการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ เบาหวาน หรือใช้ยาขับปัสสาวะมากเกินไป แต่หากคุณกำลังตั้งครรภ์ อาการนี้จะเกี่ยวข้องกับระดับของฮอร์โมน
- ท้องผูก ในระหว่างการตั้งครรภ์ ระดับของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนจะสูงขึ้น อาจทำให้เกิดอาการท้องผูกได้ เพราะฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนนี้เป็นสาเหตุให้อาหารเคลื่อนผ่านลำไส้ได้ช้าลง เพื่อบรรเทาอาการควรดื่มน้ำให้มากขึ้น ออกกำลังกายบ่อยๆ และทานอาหารที่มีเส้นใยสูงจะช่วยได้
- อารมณ์เเปรปรวน อาการนี้เป็นเรื่องปกติโดยเฉพาะในช่วงสามเดือนแรก มันเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนนั่นเอง
- ปวดหัวและปวดหลัง หญิงตั้งครรภ์หลายคนมักจะมีอาการปวดหัวบ่อยๆ และหลายคนประสบกับอาการปวดหลังเรื้อรังด้วย
- เวียนศีรษะและเป็นลม อาการเหล่านี้เกิดจากการขยายตัวของหลอดเลือด ทำให้ความดันโลหิตลดลง และระดับน้ำตาลในโลหิตก็ลดลงด้วย
หญิงที่ตั้งครรภ์อาจมีอาการทั้งหมดเหล่านี้ หรือบางคนก็มีแค่ 1-2 ข้อ หากอาการเหล่านี้ทำให้คุณรู้สึกรำคาญ ก็ลองปรึกษากับสูติแพทย์ของคุณเพื่อขอรับคำแนะนำในการรักษาต่อไป